หัวใจแทบสลาย

in #love6 years ago (edited)

เมื่อถึงเวลากลับจากต่างจังหวัดเพื่อมาทำหน้าทีสุด strong ของคุณแม่อย่างเรา ชีวิตคนทำงานก็เริ่มขึ้น ความจริงแล้วเราไม่ได้เรียนจบสูงอะไร แค่ ม.6 เรียนรามไม่จบ เพราะมรสุมชีวิตรุมเร้า สมัยนั้นเราเป็นเด็กบ้านนอก ที่ไม่ค่อยมองถึงอนาคตภายภาคหน้า ก็เลยใช้ชีวิตแบบไม่ได้คิดอะไร ทำงานด้วย เรียนรามไปด้วยเนื่องจากสภาวะการเงินไม่เอื้ออำนวยให้เรียนมหาวิทยาลัยเอกชน ก็เกือบจบนะ อีก 2 วิชาเอง มีแต่คนแนะนำให้ไปเก็บหน่วยกิจให้จบ จะได้ปริญญาเก็บไว้..แต่ก็ยังไม่ได้คิดเรื่องนั้นเพราะมัวแต่ทำงาน หางาน เปลี่ยนงาน เลยลืมเรื่องเรียน ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของเด็กๆทุกคน ...ครั้งแรกที่ไปหางานทำ เริ่มจากแคชเชียร์ร้านขายของ premiums ดังมาก ได้พบกับความแปลกใหม่เพราะยังไม่เคยทำงาน ก็เลยตื่นเต้นมาก ยิ่งมาทำเกี่ยวกับตัวการ์ตูนดังๆ สนุกมากเลยทำได้ประมาณ 1 ปีกว่าๆ ก็ย้ายกลับไปอยู่บ้าน มีครอบครัวกับชายไทยวัยกลางคน อยู่ด้วยกันได้ 3 ปี ดราม่าชีวิตก็เข้ามาแบบตั้งตัวไม่ทัน..เรายังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี เช้าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เรามากรุงเทพเพื่อสอบเทอม 2... เราออกจากห้องสอบรามคำแหง นั่งรถเมล์กลับบ้าน
ภาพจาก Wordpress.com
เพื่อนเราโทรมาบอกว่า “แก แฟนแกกำลังแต่งงานกับเด็กรุ่นน้อง เค้าท้องได้เกือบ 4 เดือน “ ..ได้ยินแค่นั้นแหละ พูดไม่ออก ช็อคไปเลย ไม่ร้องไห้เลย...แล้วเราก็ให้แม่ไปเก็บของบ้านเค้าBCD41C05-02E4-4D9E-BC2A-BC93EFB1B3D8.jpeg drawingofpencil.com ตัดสินใจย้ายไปทำงานที่เกาะหลีเป๊ะ เพราะอยากได้ภาษาอังกฤษ มันมีเหตุมาจากไปเที่ยวข้าวสาร แล้วมีฝรั่งคนอังกฤษมาคุยด้วย เราคุยไม่ได้ ก็เลยให้เด็กบาร์ในผับมาช่วยพูดให้ จนเค้ากลับอังกฤษไป เราติดต่อกันทาง email ประมาณ 2 เดือนพอมาถึงemail ฉบับสุดท้าย “ I don’t understand what u expect from me , u r married why u keep contact me ?” สรุปคือ เค้าก็ไปแต่งงานกับเด็กบาร์คนนั้น เพราะเด็กบาร์บอกเค้าว่า เรามีครอบครัวแล้ว 😥😥....รับไม่ได้ ต้องทำยังไง ..เราก็เลยย้ายไปทำงานที่เกาะหลีเป๊ะ เพื่อต้องการฝึกภาษาอังกฤษ เราใช้เวลา 2 เดือน พอที่จะสนทนาได้ .. กลับมากรุงเทพ สมัครงานเสิร์ฟที่โรงแรมแห่งหนึ่งแถวปิ่นเกล้า .. เป็นงานที่ท้าทายมาก ... ช่วงนั้นคบหากับคนผิวดำอยู่ประมาณ 1 ปีกว่าๆ ตัดสินใจย้ายไปอยู่ด้วยกัน ... เพิ่งจะเริ่มได้เพียง 3 สัปดาห์ ดราม่าอีกแล้ว .. เช้าวันนั้น เสียงกริ่งหน้าบ้านดังลั่น มีเสียงทุบกระจกประตูดัง ปัง!ปัง!ปัง ... แล้วก็มีเสียงแว่วมา “Nelson !!!! Open the door “ เรานี่แหละคนเปิดประตู ... ผู้หญิงเดินเข้ามาในบ้านแล้วก็พูดว่า “ เค้าอยู่มั้ยพี่ หนูรู้ว่าเค้าอยู่บ้าน” she เดินขึ้นบันไดไป เสร็จแล้วก็ลากกระเป๋าใบใหญ่ลงมา แล้วเดินออกไป..,เรานี่อึ้งเลย ...แฟนเราออกมาจากห้องน้ำ แล้วขึ้นห้องไป! ( ภาพจากdrawingofpencil.com. เวลาตอนนั้นเราไม่พูดอะไรเลย จนถึงเย็นก็ไปหาของกิน ตกดึกมา กำลังนั่งดูทีวี ... อีกแล้ววววว!!!!... มีผู้หญิงอีกคนมา คราวนี้หนักเลย เอะอะโวยวาย ร้องไห้ ทำท่าเป็นลม .., คนที่ควรจะเป็นลม น่าจะเป็นเรานะ ... เราก็เลยหนีไปอยู่ในห้องนอน ปล่อยเค้าเคลียร์กันเอง .. ผู้หญิง 2 คนมาอาละวาดที่บ้านใน 1 วัน .... ไม่ไหวแล้ว เราก็เลยกลับอพาร์ตเมนต์เรา .. โชคดีนะ ที่ยังไม่ได้คืนห้องไป ไม่งั้น ไม่มีที่นอนแน่ๆ... ..........ตัดสินใจนั่งแท็กซี่กลับตอนตี 2 ระหว่างทางเราร้องไห้หนักมาก........ ร้องตั้งแต่ เทพารักษ์มาจนถึงปิ่นเกล้า .......พอมาถึงห้องเรา..ร้องไห้จนหลับไปเลย😥😥😖😖...ช่วงนั้นจิตใจย่ำแย่มากกก...ไม่รู้จะทำอะไร ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน แต่เรายังทำหน้าที่ของเราปกติ ยังไปทำงานปกติ ... ทุกๆคนเห็นใจเรามาก... ให้กำลังใจเรา.. จนผ่านไป 3-4 เดือน เราทำใจได้แล้ว เราต้องทำใจให้ผ่านพ้นความรู้สึกนั้นให้เร็วขึ้น ยิ่งลืมเร็ว ก็ยิ่งฟื้นเร็ว ชีวิตยังอีกยาวไกล.. เราบอกตัวเองว่า มันเป็นอดีตที่ผ่านไปแล้ว มันก็จบไปแล้ว ไม่มีคำว่าสาย ที่เราจะเริ่มใหม่ ...ยังมีอีกหลายเรื่อง หลายสิ่งหลายอย่างที่เราต้องทำ ต้องรับผิดชอบ.. เราคอยเตือนตัวเองเสมอ.. ขอให้กำลังใจกับทุกๆคนทีาผ่านเรื่องแย่ๆมา สู้ต่อไปนะคะ ... อย่าลืมติดตาม ดราม่าของเจสในครั้งหน้าค่ะ ยังมีต่อนะคะ....ขอขอบคุณภาพวาดสวยๆจาก drawingofpencil.com และ Wordpress.comค่ะ วาดสวยมากเลยค่ะ.. to be continue.. ขอขอบคุณทุกๆคนค่ะ

Sort:  

@jezzchommanee รอติดตามค่ะ😊😊😊

ขอบคุณมากค่ะ